-
ผักปลอดสารพิษ ความใส่ใจต่อคนรุ่นใหม่ต่อสุขอนามัยด้านอาหาร
อาหาร ความใส่ใจที่มีเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ด้วยรูปแบบชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป ทำให้อาหารกลายเป็นภัยมากขึ้น โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารในภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้สารเคมีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพจึงมองหาวัตถุดิบที่สด สะอาด และไม่มีสารเคมีอันใดเจือปน และกลุ่มวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากได้แก่ ผักปลอดสารพิษ ที่ไว้วางใจได้ทั้งในเรื่องความสะอาดและความปลอดภัย มาตามดูกันว่าเรื่องราวของวัตถุดิบเพื่อสุขภาพเหล่านี้มีที่มาอย่างไร และเราจะมีวิธีการเลือกวัตถุดิบปลอดสารเหล่านี้อย่างไรเพื่อให้ได้คุณค่ามากที่สุด liposuction ที่นี่มีคำตอบให้กับคุณ ทำไมต้องเป็นผักปลอดสารพิษ ด้วยว่าความเจริญเติบโตของยุคสมัย โดยเฉพาะระบบสาธารณสุขที่ดีมากขึ้น ทำให้ประชากรโลกเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ปัญหาด้านอาหารกลายเป็นปัญหาหลักที่เริ่มไม่เพียงพอต่อการบริโภค จึงมีการพัฒนารูปแบบการผลิตอาหารในรูปแบบของเกษตรอุตสาหกรรมที่มีการใช้เครื่องจักรและสารเคมีเป็นจำนวนมาก เพื่อการผลิตไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์หรือพืชผักต่าง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มพืชผักนั้นมีการใช้สารเคมีอย่างเต็มกำลังทั้งในแง่ของปุ๋ยเคมี สารฆ่าแมลง สารบำรุงผลต่าง ๆ เรียกว่าผักหรือผลไม้ที่ได้มาเต็มไปด้วยสารเคมีเป็นจำนวนมาก เริ่มมีรายงานบางอย่างเกี่ยวกับผลกระทบของการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของสารเคมี เช่น การเจริญเติบโตของเด็กรุ่นใหม่ที่ทางเนื้อสัตว์ที่มีการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโต รวมไปถึงการตกค้างของสารเคมี โลหะหนักในพืชผักต่าง ๆ ทำให้ผักที่ดูสวยงามตามท้องตลาดกลายเป็นมฤตยูตัวร้ายที่อาจกลายเป็นฆาตกรที่ปลิดชีวิตคุณได้ จึงเป็นที่มาของการรณรงค์ค้นหาเกษตรเชิงธรรมชาติ อันเป็นที่มาของ ผักปลอดสารพิษ รูปแบบการผลิตของผักปลอดสารพิษ สำหรับการผลิต ผักปลอดสารพิษ ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากนัก แต่มีการพูดกันถึงเรื่องนี้มายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว จากผลกระทบของสารเคมี สารตกค้างต่าง ๆในภาคการเกษตรที่ส่งผลต่อตัวของเกษตรกร ผู้บริโภค รวมไปถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่แต่เดิมเคยอุดมสมบูรณ์ กลับกลายมาเป็นความแห้งผาก ยิ่งใช้สารเคมีเท่าไหร่ ผลผลิตกลับไม่งดงามดังแต่ก่อน…
-
เส้นประสาทอักเสบ ความเจ็บป่วยที่ไม่อาจมองข้าม เป็นแล้วต้องรีบจัดการทันที
อาการเจ็บป่วยบางอย่างคืออาการที่กำลังบอกสาเหตุให้เรารู้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพที่เราต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน เส้นประสาทอักเสบ นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาทางด้านร่างกายที่ไม่สามารถปล่อยทิ้งเอาไว้ได้ เพราะเมื่อตรวจเจอหรือมีอาการบ่งชี้ว่าเป็นและไม่รีบรักษา จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ไขได้ยากมาก มาทำความรู้จักกับอาการเจ็บป่วยในรูปแบบนี้พร้อมทั้ง วิธีการดูแล และการรักษาที่ถูกวิธี จะช่วยให้คุณสามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายได้เร็วขึ้น อะไรคืออาการเจ็บป่วยที่เรียกว่า เส้นประสาทอักเสบ สำหรับเส้นประสาทอักเสบ เป็นการเจ็บป่วยที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน โดยมีสาเหตุมาจากทั้งอุบัติเหตุ หรือการทานอาหารและปัญหาด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อระบบเส้นประสาทของเรา ทำให้มีผลตามมาในหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งทางการแพทย์ได้ให้คำนิยามของการเจ็บป่วยในรูปแบบนี้เอาไว้ว่า อาการเส้นประสาทอักเสบ คือ ภาวการณ์ทำงานที่ผิดไปจากเดิมของระบบประสาทในส่วนหนึ่งส่วนใดภายในร่างกายที่เกิดภาวะประหนึ่ง “ไฟฟ้าลัดวงจร” ทำให้การส่งสัญญาณทางระบบประสาทนั้นทำงานผิดปกติไป ซึ่งผลที่พบอยู่บ่อยครั้ง คือ อาการปวดชาตามอวัยวะบริเวณที่มีปัญหา หรือถ้ามีอาการเจ็บป่วยที่หนักกว่านั้นคือ อวัยวะบริเวณนั้นจะมีภาวะอ่อนแรงเกินขึ้นร่วมด้วย สำหรับสาเหตุของการเกิดปัญหา เส้นประสาทอักเสบ เกิดขึ้นจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเส้นปลายประสาทเหล่านั้น เช่นการเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลต่อเส้นประสาทของอวัยวะในบริเวณนั้น ๆ รวมไปถึงการรับประทานยาบางชนิด การติดเชื้อบางอย่าง และอาจรวมไปถึงความผิดปกติด้านพันธุกรรมที่ส่งผลมาสู่การทำงานของระบบประสาทในบางคนได้ โดยเมื่อเกิดภาวการณ์อักเสบของเส้นประสาทจะมีทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกันคือ การอักเสบในบริเวณประสาทรับความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับการรับรู้ต่าง ๆ ทางผิวหนัง เส้นประสาทสั่งการหรือนำคำสั่ง ซึ่งเป็นระบบประสาทที่เชื่อมโยงกับกล้ามเนื้อ เส้นประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายใน ซึ่งเมื่อเกิดอาการอักเสบในแต่ละรูปแบบ ย่อมมีผลลัพธ์การแสดงออกมาที่แตกต่างกัน ทั้งแพทย์ Rattinan Hospital และผู้ป่วยต่างต้องช่วยกันพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง อาการบ่งชี้เกี่ยวกับ…
-
อาการไอกับความป่วยไข้พร้อมกับ วิธีแก้ไอ ในรูปแบบที่เหมาะสม
อาการไอ นับเป็นอีกหนึ่งอาการของร่างกายที่แสดงออกมาในภาวะที่ร่างกายอ่อนแอและอาจมีอาการป่วยไข้ร่วมด้วย ซึ่งเมื่อเวลาไอในแต่ละครั้งนับเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อมาก การไอนั้นมีหลายแบบ และในแต่ละแบบนั้นมีวิธีแก้ไอที่แตกต่างกันออกไป มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาของการไอ และรูปแบบการไอในแต่ละประเภท พร้อมวิธีการดูแลตัวเองจากอาการไอจะทำให้คุณแก้ไขปัญหาและดูแลสุขภาพของคุณได้เป็นอย่างดีนั่นเอง อาการไอที่เกิดขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ และ วิธีแก้ไอ ในแต่ละแบบ นิยามของการไอ คือการจัดการระบบของร่างกาย เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายเริ่มมีการรับรู้หรือสัมผัสได้ว่ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปกีดขวางทางเดินหายใจไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการทำให้สิ่งเหล่านั้นหลุดออกไปจากจุดที่ขวางการเดินอากาศในบริเวณนั้น ซึ่งนั่นคือการไอนั่นเอง นอกจากนั้นแล้วอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการไอ คืออาการระคายเคืองในลำคออันเกิดขึ้นจากฝุ่นละออง ความแห้งผากในลำคอ จึงทำให้ร่างกายตอบสนองออกมาด้วยการไอเช่นเดียวกัน ดังนั้นสำหรับทางการแพทย์แล้ว การไอคือระบบการจัดการสิ่งแปลกปลอมของร่างกายที่มีการตอบสนองในรูปแบบต่าง ๆ อาจมีความเกี่ยวพันกับอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ บ้าง ซึ่งการไอในแต่ละอย่างมีวิธีการจัดการและ วิธีแก้ไอ ที่แตกต่างกันออกไปด้วย รูปแบบอาการไอที่พบเห็นอยู่เสมอ สำหรับทางการแล้วได้แบ่งอาการไอออกเป็นสองรูปแบบที่พบอยู่เสมอ ซึ่งทั้งสองแบบนั้นต้องใช้เวลาห่างกันประมาณ 2-3 อาทิตย์เพื่อทำการรักษาให้หายเป็นปกติ ซึ่งการไอแต่ละแบบมีดังต่อไปนี้ ไอแบบมีเสมหะ การไอในรูปแบบนี้คือ การมีเสมหะหรือมูกอยู่ในลำคอและไปปิดกั้นการหายใจ ดังนั้นร่างกายจึงต้องทำการกระตุ้นให้สิ่งเหล่านั้นหลุดออกไป จึงเป็นที่มาของอาการไอนั่นเอง ซึ่งวิธีแก้ไออาจต้องรักษาควบคู่ไปกับการดูแลอาการเจ็บป่วยประเภทอื่น ๆ ที่มีส่วนที่ทำให้มีภาวการณ์เกิดน้ำมูกหรือเสมหะนั้นด้วย ไอแห้ง ในการไอรูปแบบนี้ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากอาการระคายเคืองในลำคอ ซึ่งโดยทั่วไปในกรณีปกติมักเกิดขึ้นจากฝุ่นละอองในอากาศทำให้ภายในลำคอรู้สึกแห้ง ไม่สบายตัว ร่างกายจึงต้องขับสิ่งที่ทำให้เป็นปัญหานี้ออกไป ซึ่งในการดูแลรักษานั้นสามารถจัดการแก้ไขได้ด้วยตนเองเช่นกัน การไอที่มีอาการอื่นร่วม โดยปกติแล้ว อาการไอสามารถหายไปได้เองจากการดูแลรักษาสุขภาพและการทานยาตามแพทย์สั่ง…
-
รู้จักและเข้าใจ ฝันเปียก คืออะไร น่ากังวลมากไหม มีคำตอบให้คุณ
ฝันเปียก อาการทางร่างกายที่พบได้อยู่เสมอไม่ว่าทั้งชายหรือหญิง แต่ถึงกระนั้นสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจกับอาการเหล่านี้จะมีทั้งความกังวลและความอายเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะอาการฝันเปียกนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของอารมณ์ทางเพศโดยตรง มาทำความรู้จักกับกลไกของร่างกายต่ออาการฝันเปียก พร้อมทั้งการทำความเข้าใจต่ออาการเหล่านี้ว่าคืออาการป่วยหรือไม่ พร้อมทำความเข้าใจกับความมหัศจรรย์ต่อระบบการจัดการของร่างกาย ฝันเปียกคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร อาการฝันเปียกคือการที่ร่างกายเกิดภาวการณ์ขับออกของสารทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพศชายที่ร่างกายได้ทำการเก็บกักน้ำอสุจิที่ถูกผลิตออกมาเพื่อการสืบพันธุ์โดยจะเก็บไว้ในถุงอัณฑะ จากนั้นเมื่อถุงเก็บกักเต็มขนาดความจุแล้วร่างกายจะทำการขับออกเพื่อให้มีพื้นที่คงเหลือต่อการจัดเก็บน้ำอสุจิที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั่นเอง และสิ่งที่มักตามมากับอาการฝันเปียกคือการมีเรื่องราวการมีปฏิสัมพันธ์ทางเพศที่มาในรูปแบบของความฝัน และเมื่อเกิดภาวะที่ถูกกระตุ้นจนถึงจุดสุดยอดนั้น ร่างกายจะขับน้ำอสุจิออกมาด้วยตัวเอง ดังนั้นเมื่อคุณผู้ชายตื่นนอนขึ้นมาพบกับเสื้อผ้าและที่นอนที่เปรอะไปด้วยน้ำอสุจินั้น จึงเป็นทั้งความตกใจและความอายที่ไม่อยากบอกให้ใครรู้ดูดไขมัน การฝันเปียกไม่ใช่เรื่องแปลก แม้ผู้หญิงเองก็มีอาการนี้เช่นกัน สำหรับเรื่องราวทางเพศในสังคมไทยถือเป็นเรื่องปกปิด ไม่สมควรที่จะนำมาพูดภายนอก ทำให้คุณผู้ชายโดยเฉพาะวัยรุ่นตอนนี้ที่ประสบกับภาวะฝันเปียกครั้งแรก จึงไม่กล้าที่จะเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ให้กับคนอื่นได้รู้เพราะกลัวถูกต่อว่าว่าเป็นคนที่หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเพศ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทั้งหมดนี้เป็นภาวะทางร่างกายที่จัดการขับออกมาด้วยตนเอง เพียงแต่ว่าอาจมีการสร้างแรงกระตุ้นขึ้นมาบ้าง เพราะหลายครั้งที่อาการฝันเปียกนั้นเกิดขึ้นการที่อวัยวะเพศชายเสียดสีกับที่นอนจนเกิดอาการเสียวซ่านและถึงจุดสุดยอดได้เช่นกัน นอกจากนั้นแล้ว อาการฝันเปียกนั้นยังเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงด้วยเช่นกัน ซึ่งมีรูปแบบที่ไม่ต่างกันกับมาก โดยเกิดจากการทำงานของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนสูงขึ้นในขณะพักผ่อน จนเกิดภาวการณ์ถึงจุดสุดยอดขณะนอนหลับได้ด้วยเช่นกัน ฝันเปียกคือปัญหาหรือว่าภาวะปกติของร่างกาย สำหรับความกังวลของวัยรุ่นหนุ่มสาวก็คือ เมื่อเกิดภาวะฝันเปียกขึ้นมาถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติหรือไม่ ด้วยค่านิยมการสอนแบบโลกยุคเก่าที่มองว่าการพูดถึงเรื่องทางเพศเป็นเรื่องที่สกปรก เป็นบาป หรือไม่เหมาะสม ทำให้เมื่อเกิดภาวะฝันเปียกขึ้นมาจึงไม่กล้าที่จะพูดหรือแสดงออกมา แม้กระทั่งการนำเสื้อผ้าหรือผ้าปูที่นอนไปซักเนื่องจากอาการฝันเปียก เรียกว่าถ้าใครได้รู้ถือเป็นเรื่องที่น่าอายเอาอย่างมาก แต่สำหรับทางการแพทย์แล้ว อาจารย์เหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติของร่างกาย เป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่มีระบบการทำงานอย่างชัดเจน ดังนั้น เมื่อเกิดภาวะฝันเปียกขึ้นมาไม่ต้องตกใจ และไม่ต้องวิตกกังวลไปว่าตัวเองกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์และการมีเพศสัมพันธ์ด้วยการที่หมกมุ่นในเรื่องเหล่านี้มากเกินไปจนทำให้มีภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นมา สำหรับทางการการแพทย์ไม่ได้มองว่าอาการเหล่านี้คือภาวะทางจิตแต่อย่างใด อาการฝันเปียกรักษาได้หรือไม่ ฝันเปียกไม่ใช่อาการเจ็บป่วย แต่เป็นภาวการณ์จัดการของร่างกายให้อยู่ในภาวะที่สมดุล และที่สำคัญอาการฝันเปียกคือการแสดงถึงความพร้อมของการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ของวัยรุ่นหนุ่มสาว นั่นหมายความว่าถ้าหากคุณมีเพศสัมพันธ์กันจริง ๆ ในเวลานี้หมายถึงคุณมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์สูงมาก ดังนั้นเมื่อร่างกายได้สื่อสารบางอย่างมาให้กับคุณแล้ว…
-
ทอนซิลอักเสบ กินยาแบบไหน เพื่อการรักษาที่ดีที่สุด
ทอนซิลอักเสบ อาการเจ็บคอที่แสนจะไม่พึงประสงค์ เจ็บมาทีเรียกว่ากลืนอะไรก็ลำบาก สำหรับปัญหาทอนซิลอักเสบนั้นเกิดจากการติดเชื้อ ทั้งเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย โดยส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัส ทานอาหาร หรือ น้ำกับผู้ที่ติดเชื้อ ดังนั้นสำหรับการรักษาต่อมทอนซิลอักเสบจึงใช้การทานยาทั้งสิ้น และคำถามที่ตามมาคือ ทอนซิลอักเสบ กินยาแบบไหน ที่ได้ประสิทธิภาพดีที่สุด การซื้อยากินเองเป็นเรื่องที่ควรทำหรือไม่ ร่วมไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการดูแลรักษาอาการทอนซิลอักเสบไปด้วยกัน ทอนซิลอักเสบ กินยาแบบไหน มีรูปแบบการรักษาอย่างไรบ้าง เมื่อเกิดภาวะทอนซิลอักเสบนั้น ถือเป็นภาวะอาการเจ็บป่วยที่ไม่ถือว่าเป็นอาการหนัก แต่ถึงกระนั้นก็สร้างความไม่สบายตัวให้เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยได้ ดังนั้นการรักษาอย่างทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งที่ควรทำด้วยความรวดเร็วก่อนปัญหาลุกลามบานปลาย โดยการรักษาต่อมทอนซิลอักเสบในปัจจุบันนี้เป็นการรักษาด้วยการทานยาเป็นหลัก แต่สำหรับคำถาม ทอนซิลอักเสบ กินยาแบบไหน ขอแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาขั้นพื้นฐานดังนี้ยาขั้นพื้นฐานสำหรับการดูแลทอนซิลอักเสบ โดยส่วนใหญ่แล้วภาวะของการเป็นทอนซิลอักเสบนั้นจะมาพร้อมกับอาการเป็นไข้หวัดด้วย ดังนั้นขั้นตอนพื้นฐานสำหรับการรักษาคือการทานยาแก้ปวดในรูปแบบของพาราเซตามอลเป็นหลัก โดยจะเน้นไปที่รักษากับอาการร่วม เช่น การมีน้ำมูกและการไอ จะรักษาโดยใช้ตัวอย่างเหล่านี้เป็นพื้นฐานก่อน ซึ่งการทานยาแก้ปวดนั้นจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ด้วยเช่นกัน ในกรณีที่มีภาวะเสี่ยงต่อการแพ้ยาพารา หรือมีภาวะการตั้งครรภ์ เพื่อแพทย์จะได้จัดยาที่เหมาะสมไว้ให้ การทานยาฆ่าเชื้อ ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น ทางการแพทย์จะใช้ยาต้านจุลชีพ หรือที่เรามันเรียกกันว่ายาฆ่าเชื้อควบคู่กันไปด้วย โดยตัวยาในรูปแบบนี้ต้องทำการกินอย่างน้อย 7 – 10 วัน หรือตามที่แพทย์สั่ง และที่สำคัญต้องทานให้หมด เพราะการที่ผู้ป่วยทานยาไม่ครบตามโดสที่คุณหมอบอกมักส่งปัญหาทำให้เชื้อดื้อยาได้ และเมื่อกลับมารักษาอีกครั้ง จำเป็นที่จะต้องใช้ยาที่แรงเพิ่มมากขึ้น สร้างปัญหาต่อระบบการจัดการสารเคมีภายในร่างกายและเป็นการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกด้วย และที่สำคัญที่สุดคือไม่ควรไปซื้อยาต้านจุลชีพหรือยาปฏิชีวนะเองโดยเด็ดขาด แม้ว่าเภสัชกรผู้จำหน่ายยาจะมีประสบการณ์สูงแค่ไหน…
-
ตอบข้อสงสัย ทำไมประจําเดือนไม่มา2เดือน และอันตรายไหม
เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนที่มีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ มาเดือนเว้นเดือนบ่อย จนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมประจําเดือนไม่มา2เดือน จะเป็นอันตรายหรือไม่หากปล่อยไว้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีกว่าโดยปกติประจำเดือนจะมาทุก ๆ 21 – 35 วัน แน่นอนว่าหากคุณปล่อยให้ความผิดปกติเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่สังเกตความผิดปกติร่วมด้วย ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคร้ายได้ อย่างโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในโรคร้ายแรง ดังนั้นมาทำความเข้าใจกันดีกว่าทำไมปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติเป็นเรื่องที่ต้องระวัง รู้หรือไม่ทำไมประจําเดือนไม่มา2เดือน ก่อนอื่นทำความเข้าใจก่อนว่าภาวะขาดประจำเดือนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ภาวะขาดประจำเดือนปฐมภูมิที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงวัย 18 ปี ที่ยังไม่เริ่มมีประจำเดือน ซึ่งนับว่าค่อนข้างช้า เนื่องจากโดยปกติประจำเดือนจะเริ่มมาตั้งแต่อายุ 12 ปี กับ ภาวะขาดประจำเดือนทุติยภูมิหรือการที่ผู้หญิงที่เคยมีประจำเดือนแต่อยู่ ๆ หายไปอย่างน้อย 3 รอบเดือน บางรายนานถึง 6 เดือนเลยทีเดียว โดยสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนขาดมีหลายปัจจัย เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประจำเดือนขาด เพราะความเครียดมีผลต่อระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือน วัยทองหรือเป็นช่วงวันที่หมดประจำเดือนซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มีอายุราว 40 – 59 ปี มาจากการที่รังไข่หยุดทำงานและทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงจนทำให้ผู้หญิงเข้าสู่การหมดประจำเดือน การฉายแสงที่มดลูกเพื่อรักษามะเร็งปากมดลูกเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงประจำเดือนขาด การตั้งครรภ์เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อย ซึ่งมักเป็นการสันนิษฐานแรก…
-
ปวดท้องน้อยด้านขวา จี๊ดๆ เกิดจากอะไร แบบไหนที่ต้องระวัง!
เคยไหม? ปวดท้องน้อยด้านขวา จี๊ดๆ เป็น ๆ หาย ๆ บางครั้งทิ้งช่วงนานที่ไม่ปวดแต่ก็กลับมาปวดอีก ปัญหานี้ปล่อยไว้ก็ชวนให้รำคาญใจ หรือบางคนส่งผลเสียต่อการทำงาน เช่น ทำให้เสียสมาธิ อาการดังกล่าวนี้ยังอาจเป็นสาเหตุทำให้เจ็บป่วยด้วยโรคที่คุณคาดไม่ถึงก็ได้ เพราะทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์ของหลายคนใช้ชีวิตเร่งรีบทำให้เกิดความเครียด พักผ่อนน้อย กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์เป็นปัจจัยเสี่ยงก่อโรคทั้งสิ้น การปวดท้องที่เกิดในผู้หญิงอาจมาจากสาเหตุการติดเชื้อ หรือ ท้องนอกมดลูก ซึ่งถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉินต้องได้รับการรักษารวมถึงที่เกิดขึ้นในผู้ชาย ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนไม่มองข้ามอาการเจ็บปวดดังกล่าวนี้ มาทำความรู้จักกันหน่อยดีกว่าว่าการ ปวดท้องน้อยด้านขวา จี๊ดๆ เกิดจากอะไร แบบไหนที่ต้องระวัง! ต้องไปปรึกษาแพทย์ แบบไหนดูแลตัวเองเบื้องต้นก่อนได้ สาเหตุของอาการปวดท้องน้อยด้านขวา จี๊ดๆ ปัจจัยหลายด้านทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยด้านขวา จี๊ดๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้นขอแบ่งเป็นสาเหตุอาการปวดที่เกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สาเหตุอาการปวดท้องน้อยด้านขวา จี๊ดๆ ที่ได้เกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง เช่น เกิดจากปัญหาระบบทางเดินอาหารแปรปรวน ลำไส้มีอาการติดเชื้อและอักเสบ ซึ่งมักจะมีไข้และถ่ายเหลวร่วมด้วย เกิดจากนิ่วในทางเดินปัสสาวะ เกิดจากความเครียด เกิดจากภาวะท้องเสียเรื้อรัง จะเห็นว่าสาเหตุอาการปวดท้องน้อยด้านขวา จี๊ดๆ เกิดขึ้นได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิงและบางสาเหตุยังส่งผลต่อการเกิดโรคได้ด้วย เพื่อป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังหรือร้ายแรงไม่ว่าจะเป็นโรคลำไส้อักเสบหรือโรคใดก็ตาม หากปวดบ่อยจะต้องไม่วางเฉยและตรวจสุขภาพเพื่อหาสาเหตุของอาการปวดจะได้รักษาโรคได้อย่างทันท่วงที สาเหตุอาการปวดท้องน้อยด้านขวา จี๊ดๆในผู้หญิง มักจะเป็นเรื่องของปัญหาเกี่ยวกับมดลูกหรือภาวะทางสูตินรีเวช เช่น ปีกมดลูกติดเชื้อ รังไข่มีความผิดปกติ มีการบิดตัวของมดลูก…
-
อะไรกับแฟนแล้วเลือดออก สัญญาณบอกโรค อย่านิ่งนอนใจ!
เคยสงสัยไหมว่าทำไมมีอะไรกับแฟนแล้วเลือดออก เป็นความผิดปกติหรือไม่ ต้องเช็กอาการยังไงจึงจะรู้ได้ว่าส่งผลเสียต่อร่างกาย ต้องพบแพทย์เพื่อตรวจหาโรคไหม? นี่เป็นคำถามที่เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้วและมีเลือดออก จึงเกิดข้อสงสัย โดยเฉพาะผู้ที่ประสบปัญหาทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอาการเลือดออกมาก่อน บอกเลยว่าอาจเป็นภัยเงียบของโรคที่ก่อให้เกิดผลเสียทางร่างกาย คำถามคือต้องเช็กอาการยังไงหรือต้องรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการแบบไหนและการมีอะไรกับแฟนแล้วเลือดออก เป็นสัญญาณเตือนบอกโรคอะไรบ้าง ข้อมูลเหล่านี้คือทางออกช่วยให้คุณคลายความสงสัยเพื่อให้คุณรู้ทันโรคนี้มากยิ่งขึ้น มีอะไรกับแฟนแล้วเลือดออก เกิดจากอะไร มีอะไรกับแฟนแล้วเลือดออกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญในการตรวจเช็กร่างกายของตนเองเบื้องต้นและไปพบแพทย์หากเกิดความผิดปกติ มาดูกันว่าที่เลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์มาจากสาเหตุใดได้บ้าง อาการแบบไหนที่เกิดขึ้นแล้วซื้อยารักษาเองไม่ได้ ต้องไปพบหมอเพื่อเข้ารับการรักษาเท่านั้น การติดเชื้อจากหลายสาเหตุ เช่น ปากมดลูกอักเสบ ภาวะช่องคลอดอักเสบ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ภาวะมดลูกแห้ง มักเกิดจากการที่อยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือนทำให้ร่างกายไม่พร้อมมีเพศสัมพันธ์เมื่อเกิดการเสียดสีจึงเลือดออก เกิดขึ้นได้จากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนหรือหลังมีประจำเดือน มีบาดแผลอยู่บริเวณปากมดลูกหรือทางการแพทย์เรียกว่าภาวะปากมดลูกกร่อน ซึ่งอาจเป็นแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุ การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงก็จัดว่าเป็นอีกสาเหตุที่พบได้เช่นกัน ประจำเดือนตกค้าง ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยกับผู้หญิงบางคน มะเร็งบางชนิดก็เป็นสาเหตุทำให้เลือดออกบริเวณช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์ได้เช่นกัน เพราะเป็นอาการของหนึ่งที่บ่งชี้ว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก มีอะไรกับแฟนแล้วเลือดออก แบบไหนที่ไม่ควรมองข้าม รีบปรึกษาหมอ จริงอยู่ที่สาเหตุทำให้เวลามีอะไรกับแฟนแล้วเลือดออกบางสาเหตุไม่ได้น่ากังวลมากนัก แต่บางกรณีก็เป็นอันตรายต่อตัวฝ่ายหญิง ฉะนั้นหากพบว่ามีเลือดออกและมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยดังต่อไปนี้ จะต้องฉุกคิดและปรึกษาหมอดีกว่า มีอะไรกับแฟนแล้วเลือดออก พร้อมกับมีอาการคัน แสบ บริเวณช่องคลอด เลือดออกขณะมีอะไรกับแฟนและกลิ่นเหม็น เช็ดแล้วเป็นเลือดสีแดงคล้ำ มีอะไรกับแฟนแล้วเลือดออก ไม่เจ็บ แต่มีอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลียและน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว มีเลือดออกในช่วงที่ไม่ใช่ช่วงมีประจำเดือน อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน…
-
รู้ทันโรคซิฟิลิส ป้องกันก่อนสายเกินแก้
โรคที่เกิดขึ้นทางเพศสัมพันธ์มักไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึงเพราะทำให้เกิดความไม่สบายใจและรู้สึกอับอาย ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับหลายคน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น คนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย วัยรุ่น วัยทำงานที่ไม่ป้องกันตัวเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์ โรคซิฟิลิส โรคติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ก็นับเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามและเพื่อสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องจะได้ป้องกันตนเองให้ห่างไกลโรคนี้ วันนี้มาทำความรู้จักกับซิฟิลิสให้รอบด้านกันดีกว่าว่าเกิดจากอะไร มีแนวทางป้องกันอย่างไรบ้าง โรคซิฟิลิส คืออะไร เกิดจากสาเหตุใด ซิฟิลิส คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย รวมถึงสามารถติดต่อจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้ด้วย หากว่าตั้งครรภ์จึงต้องตรวจหาโรคซิฟิลิสด้วยเช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นจะส่งผลต่อเด็กในท้องร้ายแรงถึงชีวิต โรคซิฟิลิส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมา แพลลิดัม เป็นเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกายผ่านเยื่อบุต่าง ๆ และแพร่กระจายทำให้เกิดอาการของโรค โดยมีระยะฟักตัวราว 2-4 สัปดาห์จนถึง 3 เดือน เมื่อได้รับเชื้อแต่ละคนจะแสดงอาการต่างกัน โดยหลัก ๆ แล้วแบ่งได้ 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 – ผู้ป่วยจะมีตุ่มเล็กบริเวณอวัยวะเพศ ลิ้น ริมฝีปาก หัวนม และเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะจะตุ่มจะขยายและแตกเป็นแผล แม้ไม่มีอาการเจ็บหากปล่อยทิ้งไว้เชื้อจะเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองได้ ระยะที่ 2 – ราว 2 – 3 สัปดาห์เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือด…
-
ทำความรู้จัก ดีซ่าน ภาวะตัวเหลืองตาเหลือง สัญญาณบอกโรคร้าย
เมื่อพูดถึงดีซ่าน เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหูแต่ถ้าให้ตอบว่าเกิดจากอะไรส่วนใหญ่ยังไม่รู้ถึงสาเหตุ บางคนเข้าใจแต่เพียงว่าเป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคตับอักเสบ วันนี้เพื่อไขข้อข้องใจเราชวนมาทำความรู้จักกับภาวะตัวเหลือง ดูดไขมัน ตาเหลืองจากดีซ่านกันในบทความนี้ ดีซ่าน เกิดจากอะไร? ดีซ่านเกิดจากสารสีเหลืองที่เรียกว่าบิลิรูบินในกระแสเลือดสูง ซึ่งบิลิรูบินเกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง ซึ่งโดยปกติตับจะทำหน้านี้นำสารนี้ออกจากกระแสเลือดแล้วนำไปสร้างเป็นน้ำดี แต่ถ้าหากร่างกายมีการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงมากว่าปกติ มีการอุดตันของท่อน้ำดี เป็นโรคตับอักเสบ หรือ เป็นฝีในตับหรือถุงน้ำดีอักเสบ ก็จะทำให้มีการคั่งของสารบิลิรูบินในเลือดหรือทำให้มีน้ำดีซ่านในกระแสเลือด เกิดอาการเหลืองทั่วร่างกาย จากสาเหตุดังกล่าวนี้ ดีซ่าน จึงเป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบด้วย เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะโรคนี้ เรารวบรวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคมาบอก เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายและเริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคดังกล่าวที่หากไม่ทันระวังตัวเองก็อาจเป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคและลามไปถึงการเสียชีวิตจากการเป็นดีซ่าน ภาวะดีซ่านแบ่งออกเป็นประเภทดังนี้ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะของโรคกัน เพราะนี่คือเรื่องสำคัญที่ทำให้หลายคนทราบถึงภาวะของโรคว่าเป็นไปอย่างไรและมีภาวะใดบ้างที่น่ากังวล ดีซ่านที่เกิดขึ้นก่อนเข้าสู่ตับ เป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือดหรือผู้ป่วยโรคโลหิตจาง ดีซ่านที่เกิดขึ้นภายในตับ เช่น เกิดจากโรคตับแข็ง ผู้ป่วยมะเร็งตับ รวมถึงความผิดปกติของพันธุกรรม ดีซ่านที่เกิดหลังออกจากตับ ซึ่งเกิดจากการเป็นนิ่วหรือเนื้องอก มะเร็งตับอ่อน ตับอ่อนอักเสบ ทั้งนี้จะทราบได้ว่าเป็นดีซ่านอยู่ในภาวะใดจะต้องเข้ารับการตรวจหาโรคอย่างละเอียด ไม่สามารถคาดเดาได้เองจากอาการภายนอก เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถเดาได้เองจากอาการอย่าง ตัวเหลือง ตาเหลือง อาการของโรคดีซ่านหรือภาวะโรคตัวเหลือง ตาเหลือง ด้วยความที่มีปัจจัยมากมายทำให้เกิดภาวะเหลืองหรือดีซ่าน คนส่วนใหญ่จึงแยกไม่ค่อยออกว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวเป็นดีซ่านหรือไม่หรือเป็นเพียงความผิดปกติจากสาเหตุอื่น เพื่อไม่ให้ภาวะโรคเลวร้ายและสายเกินแก้เพราะหากปล่อยไว้นานจะเกินจะทำให้น้ำดีอุดตันจนเป็นก้อนเนื้อหรือมะเร็ง ดังนั้นเพื่อเช็กอาการหรือความผิดปกติเบื้องต้น แนะนำให้ลองเทียบอาการเหล่านี้ว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้หรือไม่ ดีซ่าน จะมีอาการเห็นได้ชัดคือตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะเหลืองเป็นเหมือนสีขมิ้น…